วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กฎหมายธรรมชาติ (Natural Law)



กฎหมายธรรมชาติ (Natural Law) หมายถึงกฎเกณฑ์ทางกฎหมายต่างๆ ในอุดมคติ อยู่เหนือกว่ากฎหมายที่ใช้อยู่ โดยถือว่ากฎเกณฑ์ดังกล่าวมีที่มาจากกฎธรรมชาติของสรรพสิ่ง กล่าวคือถือว่ากฎหมายขึ้นอยู่กับเหตุผล (Reason) ซึ่งมีอยู่แล้วในธรรมชาติและไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยอำนาจ (Power) หรือตามความอำเภอใจของผู้มีอำนาจแห่งรัฐ

การเกิดของกฎหมายธรรมชาติ
ซึ่งนักปราชญ์มีความเห็นว่ามีที่มาแตกต่างกัน พอสรุปได้ 3 ความเห็น
  • กฎหมายธรรมชาติเกิดจากธรรมชาติโดยตรง เหมือนอย่างเดียวกันกับกฎแห่งแสงสว่าง กฎแห่งความร้อน ความหนาว ซึ่งเป็นสิ่งที่มีมาเองตามธรรมชาติ แต่สำหรับความคิดเห็นนี้ มีผู้ไม่เห็นด้วยเป็นอันมากเพราะกฎแห่งแสงสว่าง กฎแห่งความร้อน ความหนาว เป็นสิ่งที่เราสามารถพิสูจน์ได้ นอกจากนี้ถ้ากฎหมายธรรมชาติเกิดจากธรรมชาติจริงแล้ว บุคคลจะต้องรู้สึกว่ากฎหมายธรรมชาติมีข้อความอย่างเดียวกัน
  • กฎหมายธรรมชาติเกิดจากพระเจ้า โดยพระเจ้ากำหนดให้มีกฎหมายธรรมชาติขึ้นมาและมอบให้กษัตริย์เป็นผู้ใช้กฎหมายธรรมชาตินั้น แนวความคิดนี้มาจากคริสตศาสนา ซึ่งถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แนวความคิดเห็นนี้ไม่อาจวิจารณ์ได้ เพราะเป็นเรื่องของศาสนาซึ่งย่อมขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล
  • กฎหมายธรรมชาติเกิดจากความรู้สึกผิดชอบของมนุษย์ ทั้งนี้มิได้หมายความว่ากฎหมายธรรมชาติจะเป็นสิ่งที่มนุษย์จะคิดเอาเองตามใจชอบ เพราะมนุษย์แต่ละคนยังมีความคิดเห็นไปในทางที่คุ้มครองประโยชน์ส่วนตัวอยู่ แต่มนุษย์ย่อมรู้สึกว่า กฎหมายธรรมชาติย่อมมีอยู่ อันเกิดจากความรู้สึกผิดชอบของมนุษย์เอง

ลักษณะของกฎหมายธรรมชาติ
กฎหมายธรรมชาติมีลักษณะสำคัญอยู่ 3 ประการ คือ
  • ใช้โดยไม่จำกัดเวลา กล่าวคือ กฎหมายธรรมชาติย่อมใช้ได้เสมอไป ไม่มีเวลาล่วงพ้นสมัย จึงไม่มีเวลาที่จะถูกเลิกไป
  •  ใช้ได้โดยไม่จำกัดสถานที่ กล่าวคือ กฎหมายธรรมชาติใช้ได้ทุกแห่งเพราะเหมาะสมแก่การนำมาใช้ทุกสถานที่ ไม่จำกัดว่าจะต้องใช้เฉพาะในรัฐใดหรือในท้องที่ใด
  • อยู่เหนือกฎหมายของรัฐ กล่าวคือ รัฐจะออกกฎหมายให้แย้งหรือขัดกฎหมายธรรมชาติไม่ได้ ถ้ารัฐออกกฎหมายแย้งหรือขัดกับกฎหมายธรรมชาติแล้ว กฎหมายนั้นก็ใช้บังคับไม่ได้

ข้อบกพร่องของกฎหมายธรรมชาติ มีดังนี้
  •         ไม่คำนึงถึงประวัติศาสตร์ ทั้งนี้เพราะกฎหมายย่อมจะแก้ไขเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับสถานการณ์และพฤติการณ์อยู่เสมอ  ฉะนั้นจึงไม่ต้องคำนึงถึงประวัติศาสตร์เพราะกฎหมายไม่ใช่สิ่งที่อยู่นิ่ง แต่ต้องเคลื่อนไหวอยู่เสมอ
  •          ไม่คำนึงถึงความต้องการของประชาชน เนื่องจากความต้องการของประชาชนย่อมจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเทศะ เมื่อคนมีความต้องการมาก ก็จำเป็นต้องมีกฎหมายออกมาเพื่อกำหนดวิถีทางให้เหมาะสมกับความต้องการของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้นนั้นด้วย 
 

รศ.ดร.ภูริชญา  วัฒนรุ่ง . กฎหมายธรรมชาติ  ในหนังสือหลักกฎหมายมหาชน . หน่วยที่ 1  (หน้า 33-36) กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง , 2554 .